เศรษฐกิจตอนนี้ยังไม่พื้นต้วทำให้ราคาน้ำมันยังคงแพงอยู่ทำให้ทางค่ายรถยนต์ต่างๆหันออกมาผลิตรถยนต์ประหยัดน้ำมัน ออกมาแข่งกัน
แต่อย่างไรก็ตามถึงจะขับรถประหยัดน้ำมันหากไม่รู้จักวิธีขับที่ถูกต้องก็จะสิ้นเปลืองเทียบเท่ากับรถธรรมดาทั่วไปได้เหมือนกันค่ะ คราวนี้มาดูหลักการขับรถให้ประหยัดน้ำมันกันดีกว่านะคะ
แต่อย่างไรก็ตามถึงจะขับรถประหยัดน้ำมันหากไม่รู้จักวิธีขับที่ถูกต้องก็จะสิ้นเปลืองเทียบเท่ากับรถธรรมดาทั่วไปได้เหมือนกันค่ะ คราวนี้มาดูหลักการขับรถให้ประหยัดน้ำมันกันดีกว่านะคะ
1. ควรมีการวางแผนเดินทางที่ดี หลีกเลี่ยงเส้นทาง ที่มีการจราจรติดขัด,ไม่ขับรถอ้อมจนเกินไป ไม่หลงทาง และไม่ขับเลยจากจุดหมายปลายทาง เท่านี้ก็ลดการสูญเสียน้ำมันโดยเปล่าประโยชน์ไปได้ มากแล้วค่ะ
2. ตรวจเช็คความดันลมยางเสมอๆ ยาง ที่มีลมอ่อน เกินไปจะทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น และยางมีอายุการใช้งานสั้น ในขณะเดียวกันหากลมยางแข็งเกินไป รถอาจเกาะถนนไม่ดี และยางก็มีอายุการใช้งานสั้นเช่นกัน
3. ตรวจเช็คเครื่องปรับอากาศอยู่เสมอๆ เช่น ปริมาณน้ำยาทำความเย็น ความสกปรกของคอยล์ร้อนคอยล์เย็น และไส้กรอง ฯลฯ เพื่อให้ระบบทำงานมี ประสิทธิภาพพร้อมทั้งปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะ เพราะถ้าปรับอุณหภูมิต่ำเกินไปคอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานหนัก มากขึ้น เป็นภาระให้เครื่องยนต์มากขึ้น ส่งผลให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงก็มากขึ้นไปด้วย
4. วิธีขับรถให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
4.1 ไม่เร่งเครื่องขณะรถจอดอยู่นิ่ง ๆ เพราะเป็นการ ใช้น้ำมันโดยเปล่าประโยชน์
4.2 ออกรถอย่างราบเรียบ ไม่ใช่ออกตัวแบบรถแข่ง และเปลี่ยนเกียร์ที่สูงขึ้นเมื่อถึงรอบที่กำหนด อย่าลากเกียร์
4.3 พยายามขับรถด้วยความเร็วสม่ำเสมอ และไม่เหยียบ เบรคโดยไม่จำเป็น
4.4 เมื่อขับรถที่ความเร็วสูงขึ้น แรงต้านอากาศมีผล เป็นทวีคูณ ดังนั้นการขับรถเมื่อความเร็วสูงมากๆรถก็จะกินน้ำมันมากขึ้นไปด้วย ตามปกติแล้ว ความเร็วที่ประหยัดน้ำมันมักจะอยู่ในช่วง 80-100 กม/ชม. (รถยนต์แต่ละคันมีความเร็วที่ประหยัดทีสุดไม่เท่ากัน)
4.5 เมื่อไม่ได้เปลี่ยนเกียร์ ควรเอาเท้าออกจากคันเหยียบคลัทช์ เพราะนอกจากจะทำให้กินน้ำมันเพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้คลัทช์มีอายุการใช้งานสั้นด้วย
5. ดูแลรักษาเครื่องยนต์อยู่เสมอๆ ด้วยการตรวจเช็ค และเปลี่ยนอะไหล่ตามที่ผู้ผลิตกำหนด ความบกพร่องของเครื่องยนต์ นอกจากจะเป็นผลให้เครื่องยนต์มีอายุ การใช้งานสั้นลงแล้ว ก็อาจจะเป็นผลให้เครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้นด้วย อาทิเช่น
- ไส้กรองอากาศตัน เพราะทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ไม่มีประสิทธิภาพ
- น้ำมันหล่อลื่นเก่า ขาดคุณสมบัติการหล่อลื่น ฯลฯ
- ระบบระบายความร้อนบกพร่อง ทำให้เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงานที่อุณหภูมิที่ผู้ผลิตออกแบบไว้
- หัวเทียนเสื่อมสภาพ ทำให้เชื้อเพลิงถูกเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
- รอบเครื่องยนต์เดินเบาสูงกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ทำให้ เครื่องยนต์ทำงานมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
- ปรับตั้งการจุดระเบิดไม่ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้การเผาไหม้ ของเชื้อเพลิงไม่มีประสิทธิภาพ
- ฯลฯ
6. บรรทุกสัมภาระเท่าที่จำเป็น เพราะน้ำหนักรถมีผล ต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย
7. ยังคงมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ แต่เท่าที่ได้กล่าวก็ถือเป็นเรื่องหลักๆ ที่ทำได้โดยไม่ยากเย็น
- ไส้กรองอากาศตัน เพราะทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ไม่มีประสิทธิภาพ
- น้ำมันหล่อลื่นเก่า ขาดคุณสมบัติการหล่อลื่น ฯลฯ
- ระบบระบายความร้อนบกพร่อง ทำให้เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงานที่อุณหภูมิที่ผู้ผลิตออกแบบไว้
- หัวเทียนเสื่อมสภาพ ทำให้เชื้อเพลิงถูกเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
- รอบเครื่องยนต์เดินเบาสูงกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ทำให้ เครื่องยนต์ทำงานมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
- ปรับตั้งการจุดระเบิดไม่ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้การเผาไหม้ ของเชื้อเพลิงไม่มีประสิทธิภาพ
- ฯลฯ
6. บรรทุกสัมภาระเท่าที่จำเป็น เพราะน้ำหนักรถมีผล ต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย
7. ยังคงมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ แต่เท่าที่ได้กล่าวก็ถือเป็นเรื่องหลักๆ ที่ทำได้โดยไม่ยากเย็น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น