นานแล้วที่ไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนเลยยยค่ะ ทริปนี้เลยเกิดขึ้นมาด้วยความอยากไปเที่ยวมากล้วนๆ แล้วการจะรวมแกงค์เพื่อนให้ได้ครบองค์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เลยกำหนดพิกัด 1 คืน 2 วัน เที่ยวเบลอๆ กันที่ สัตหีบ ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ทะเลบรรยากาศชิลล์ ที่มีมุมถ่ายรูปฮิปๆ หยั่งกะอยู่เกาะนามิ ในงบคนละ 1,500 บาทเท่านั้น จะไปเที่ยวชิลล์อะไร ยังไง ที่ไหนกันบ้าง ตามมาเลยจ้า >.<คลิกเลยจ้า
วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2561
วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
เที่ยวเชียงราย กับ 20 สถานที่แจ่ม ๆ สัมผัสความงามแห่งขุนเขา
***************
รวมถึงมีประชากรหลายเชื้อชาติ ทั้งชาวไทยพื้นราบ ชาวไทยภูเขา และชาวจีนฮ่อ ที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่บนดอยสูง ซึ่งแต่ละชนชาติจะมีประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์ เป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ทำให้เชียงรายได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยหากเชียงรายจะเป็นจังหวัดอันดับต้น ๆ ที่นักเดินทางมักคิดถึงเป็นที่แรก ๆ ดังนั้นกระปุกดอทคอมเลยหยิบเอาสถานที่ท่องเที่ยวเชียงราย ที่ใคร ๆ มาแล้วก็ต้องไปเยือนมาแนะนำกันค่ะ
สิงห์ ปาร์ค (Singha Park) หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า ไร่บุญรอด ตั้งอยู่ริมถนนสายเด่นห้า-ดงมะดะ อำเภอเมือง ห่างจากเขตชุมชนเมืองเชียงราย ประมาณ 9 กิโลเมตร ในพื้นที่ประมาณ 8,000 ไร่ ครอบคลุม 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลดอยฮาง ตำบลรอบเวียง ตำบลป่าอ้อดอนชัย และตำบลแม่กรณ์ ความสูงของพื้นที่เฉลี่ย 450 เมตร เหนือจากระดับน้ำทะเล ในฤดูหนาวอากาศค่อนข้างเย็นสบาย
ภาพจาก pixy_nook / Shutterstock.com
สภาพของพื้นที่โดยทั่ว ๆ ไปเป็นที่ลาด-เนินเขา มีภูเขาเล็ก ๆ พื้นที่มีความลาดเทปานกลาง เป็นพื้นที่เพาะปลูกพื้นหลากหลายชนิด เช่น ชาอู่หลงสายพันธุ์จินซวน (Jin Xuan) หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ ชาอู่หลงเบอร์ 12 เป็นชาสายพันธุ์ไต้หวัน ปลูกบนพื้นที่กว่า 600 ไร่ จำนวนกว่า 761,000 ต้น พื้นที่ปลูกยางพารากว่า 2,700 ไร่ พุทราพันธุ์ซื่อหมี่ กว่า 100 ไร่, สตรอว์เบอร์รี อีกหนึ่งสุดยอดที่มาพร้อมลมหนาว ซึ่งที่ไร่บุญรอดจะปลูกสตรอว์เบอร์รีในพื้นที่ 4 ไร่ สายพันธุ์พระราชทาน 80 เป็นเกษตรกรรมผสมผสาน หมดฤดูกาลจะปลูกแคนตาลูปและมะเขือเทศพันธุ์เลื้อย โดยสตรอว์เบอร์รีจะให้ผลผลิตมกราคม-กุมภาพันธ์ และพืชผักผลไม้เมืองหนาวอีกหลากหลายชนิดทั้งนี้สิงห์ ปาร์ค เปิดบริการให้ชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00–16.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08 0900 2686 หรือเว็บไซต์ boonrawdfarm.com และ เฟซบุ๊ก Boon Rawd Farm
2. พระธาตุดอยตุง
พระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 17.5 บนทางหลวงหมายเลข 1149 เป็นที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า นำมาจากมัธยมประเทศ นับเป็นครั้งแรกที่พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ได้มาประดิษฐานที่ล้านนาไทย เมื่อก่อสร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี้ ได้ทำธงตะขาบ (ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า ตุง) ใหญ่ยาวถึงพันวา ปักไว้บนยอดดอย ถ้าหากปลายธงปลิวไปไกลถึงเมืองไหน ก็จะกำหนดเป็นฐานพระสถูป เหตุนี้ดอยซึ่งเป็นที่ประดิษฐานปฐมเจดีย์แห่งล้านนาไทย จึงปรากฏนามว่า ดอยตุง
ทั้งนี้พระธาตุดอยตุงเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ เมื่อถึงเทศกาลนมัสการพระธาตุดอยตุงจะมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและเพื่อนบ้านจากประเทศใกล้เคียง เช่น ชาวเชียงตุงในรัฐฉาน สหภาพพม่า ชาวหลวงพระบาง เวียงจันทน์ เดินทางเข้ามานมัสการทุกปี
3. พระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง
พระตำหนักดอยตุง ตั้งอยู่ในเขตอำเภอแม่ฟ้าหลวง ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 60 กิโลเมตร พระตำหนักดอยตุงเคยเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีรูปทรงผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนากับชาเลย์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีการแกะสลักไม้ตามกาแล เชิงชายและขอบหน้าต่างเป็นลวดลายต่าง ๆ โดยฝีมือช่างชาวเหนือ รอบ ๆ พระตำหนักมีสวนดอกไม้หลากพันธุ์ หลายสี ให้ความสวยงามสดชื่น โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะเห็นหมอกจาง ๆ บริเวณยอดเขารอบพระตำหนัก มีเจ้าหน้าที่นำชมเป็นรอบ ๆ ละ 20 นาที เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 90 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 5376 7015-7 หรือ www.doitung.org
ส่วน สวนแม่ฟ้าหลวง อยู่ด้านหน้าพระตำหนักดอยตุง มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาว อาทิ ดอกซัลเวีย, พิทูเนีย, บีโกเนีย, กุหลาบ, ดอกลำโพง, ไม้มงคลต่าง ๆ, ไม้ยืนต้น และซุ้มไม้เลื้อยอีกมากกว่า 70 ชนิด รูปปั้นต่อเนื่องฝีมือของ มีเซียม ยิบอินซอย (Misiem Yipintsoi) เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.30-18.00 น. ค่าเข้าชม 90 บาท
หอแห่งแรงบันดาลใจ เป็นอาคารแสดงพระราชประวัติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและพระราชวงศ์ มีห้องจัดแสดงนิทรรศการ 8 ห้อง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 50 บาท นอกจากนั้นยังมีร้านขายของที่ระลึก เสื้อผ้าไหม ผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวงทั้งผักผลไม้ ดอกไม้ พรรณไม้ต่าง ๆ ให้ซื้อกลับไปเป็นของฝาก
นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าชมทั้งพระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง และหอแห่งแรงบันดาลใจ โดยมีจำหน่ายบัตรรวม ราคา 190 บาท ซุ้มจำหน่ายบัตรเปิดเวลา 06.30-18.00 น. หลังเวลา 17.00 น. จำหน่ายเฉพาะบัตรชมพระตำหนักและสวนแม่ฟ้าหลวง (หมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สามารถเช็กราคาได้ที่ www.doitung.org)
4. วัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่น อยู่ในท้องที่ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง ออกแบบและก่อสร้างโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เมื่อ พ.ศ. 2540 โดยบนพื้นที่เดิมของวัด 3 ไร่ และขยายออกเป็น 12 ไร่ พระอุโบสถสีขาวตกแต่งด้วยลวดลายกระจกสีเงินแวววาว เป็นเชิงชั้นลดหลั่นกันไป หน้าบันประดับด้วยพญานาค ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถและห้องแสดงภาพวาดน่าสนใจมาก เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. โทรศัพท์ 0 5367 3579 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วัดร่องขุ่น.com
การเดินทาง : วัดอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 12 กิโลเมตร บนเส้นทางไปจังหวัดพะเยา เลี้ยวขวาที่สามแยกทางไปน้ำตกขุนกรณ์ ประมาณ 100 เมตร วัดอยู่ซ้ายมือ
5. ดอยแม่สลอง
ดอยแม่สลอง เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านสันติคิรี เดิมชื่อ บ้านแม่สลองนอก เป็นชุมชนผู้อพยพจากกองพล 93 จากสหภาพพม่าเข้ามาในเขตไทย จำนวนสองกองพัน คือ กองพันที่ 3 เข้ามาอยู่ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และกองพันที่ 5 อยู่ที่บ้านแม่สลองนอก ตั้งแต่ พ.ศ. 2504 ในเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ดอกนางพญาเสือโคร่ง ซึ่งเป็นซากุระพันธุ์ที่เล็กที่สุด สีชมพูอมขาวจะบานสะพรั่งตลอดแนวทางขึ้นดอยแม่สลอง เป็นพันธุ์ไม้ที่หาชมได้ยากในเมืองไทย เพราะเจริญเติบโตอยู่แต่เฉพาะในภูมิอากาศหนาวจัดเท่านั้น
จุดน่าสนใจบนดอยแม่สลอง เช่น ชมไร่ชาและศึกษาวิธีการผลิตชา ขี่ม้าชมทิวทัศน์รอบหมู่บ้านเจียงจาใส และอนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ประเทศไทย ลองไปศึกษาเรื่องราวและประวัติของชาวดอยแม่สลอง โดยจะมีไกด์คอยนำชม เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 30 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อบต. แม่สลองนอก โทรศัพท์ 0 5376 5129
การเดินทางใช้เส้นทางเชียงราย-แม่จัน 28 กิโลเมตร เลยจากอำเภอแม่จันไป 1 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไป 23 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านผาเดื่อ ซึ่งเป็นจุดแวะชมและซื้อหัตถกรรมชาวเขา จากนั้นเดินทางจากบ้านอีก้อสามแยก ตรงไปดอยแม่สลอง ระยะทาง 10 กิโลเมตร รวมระยะทางจากเชียงราย 64 กิโลเมตร เป็นทางลาดยางตลอดสาย และจากดอยแม่สลองมีถนนเชื่อมต่อไปถึงบ้านท่าตอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทาง 45 กิโลเมตร ในกรณีไม่ได้ขับรถมาเองให้ขึ้นรถประจำทางจากตัวเมืองเชียงรายไปต่อรถสองแถวที่ปากทางขึ้นดอยแม่สลอง
6. ดอยวาวี
ดอยวาวี เป็นชุมชนขนใหญ่ของชาวจีนฮ่อ กองพล 93 ซึ่งอพยพเข้ามาตั้งหลักปักฐานราว 50 ปีมาแล้ว ยึดอาชีพปลูกชาและผลไม้ท่ามกลางบรรยากาศอันสงบเงียบและทิวทัศน์งามของดอยสูงเช่นเดียวกับชุมชนดอยแม่สลอง แม้หมู่บ้านจะมีขนาดเล็ก แต่ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกลิ่นอายชุมชนชาวจีนอันเรียบง่าย ราวกับอยู่ทางแถบยูนนานตอนใต้ของจีน ขณะที่พ้นหมู่บ้านออกไปบนดอยก็เขียวขจีด้วยไร่ชาที่ลดหลั่นตามลาดเขา ช่วยประดับทิวทัศน์ชุมชนและเทือกดอยให้งดงามชวนมอง ใกล้กับดอยวาวีมีจุดชมทะเลหมอกอยู่บน “ดอยกาดผี” ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของอำเภอแม่สรวย เมื่อขึ้นไปยืนที่ชะง่อนผาสูง 1,500 เมตร จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกหนาทึบเต็มหุบเขา พร้อมกับภาพอลังการของขุนเขาสลับซับซ้อนตามแนวเทือกดอยช้าง ซึ่งดอยกาดผีอยู่ห่างจากดอยวาวีประมาณ 20 กิโลเมตร ตามเส้นทางค่อนข้างทุรกันดาร ระหว่างทางยังผ่านหมู่บ้านชาวอ่าข่าและเย้า
สถานที่น่าแวะ เช่น ดอยช้าง เป็นที่ตั้งสถานีวิจัยเกษตรที่สูงและหมู่บ้านขาวเขา มีแปลงปลูกผลไม้เมืองหนาวให้เที่ยวชม เช่น เกาลัด บ๊วย ท้อ พลับ พลัม ฯลฯ และไร่กาแฟอาราบิก้า โดยสามารถลองชิมกาแฟสดได้ด้วย ส่วนสินค้าน่าซื้อก็มีทั้งชาอู่หลง ซึ่งชาวจีนฮ่อวาวีนำชาพันธุ์ชิงชิงและชาเบอร์ 12 มาปลูกเพื่อผลิตเป็นชาอู่หลงคุณภาพดีไม่แพ้ต้นตำรับจากไต้หวันจนได้รับความนิยม ลองชิมชากลิ่นหอมและซื้อเป็นของฝากได้
7. วนอุทยานภูชี้ฟ้า
วนอุทยานภูชี้ฟ้า เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นสุดฮอตของจังหวัดเชียงราย อยู่ห่างจากดอยผาตั้ง 25 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นยอดเขาที่แหลมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า อยู่สูงจากระดับทะเลประมาณ 1,628 เมตร โดยมีหน้าผาเป็นแนวยาวยื่นไปทางฝั่งประเทศลาว บนยอดภูชี้ฟ้าเป็นทุ่งหญ้ากว้าง ในฤดูหนาวจะมีทิวทัศน์สวยงามเป็นพิเศษ นักท่องเที่ยวส่วนมากจะมาค้างแรมบริเวณบ้านร่มฟ้าทองทาง ซึ่งห่างจากจุดชมวิวประมาณ 1.5 กิโลเมตร แล้วจะเดินขึ้นภูชี้ฟ้าเพื่อไปชมวิวตอนเช้ามืด ระหว่างทางจะพบแปลงปลูกป่านางพญาเสือออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์) และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ต้นเสี้ยวดอกขาวรอบภูชี้ฟ้าจะออกดอกบานเต็มเชิงเขา
การเดินทางใช้เส้นทางเชียงราย-เทิง ระยะทาง 64 กิโลเมตร และจากเทิง-บ้านปี้ ระยะทาง 6 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1155 ผ่านบ้านปางค่า บ้านเชงเม้ง เป็นทางลาดยาง ถึงภูชี้ฟ้าระยะทาง 42 กิโลเมตร หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 1021 สายเทิง-เชียงคำ-บ้านฮวก ก่อนถึงเชียงคำ 6 กิโลเมตร มีทางแยกไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกภูซาง อีก 19 กิโลเมตร แล้วเดินทางต่อไปยังภูชี้ฟ้าอีก 30 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถนำรถไปจอดไว้ที่ลานจอดรถวนอุทยานภูชี้ฟ้าแล้วเดินเท้าไปจุดชมวิวประมาณ 700 เมตร สอบถามรายละเอียดติดต่อได้ที่ สถานีขนส่งเชียงราย โทรศัพท์ 0 5371 1224 อบต.ตับเต่า โทรศัพท์ 0 5318 9111 และศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทรศัพท์ 0 5371 0195-6
8. ดอยผาตั้ง
ดอยผาตั้ง ตั้งอยู่ใกล้ทางหลวงหมายเลข 1093 กิโลเมตรที่ 89 เป็นจุดชมวิวไทย-ลาว มีความสูง 1,635 เมตร และเที่ยวชมทะเลหมอกได้ตลอดปี ซึ่งในเดือนธันวาคมถึงมกราคมมีดอกซากุระบาน และเดือนกุมภาพันธ์ก็จะมีดอกเสี้ยวบานสะพรั่งงดงาม นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า โดยเฉพาะจีนฮ่อนั้น อดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของกองพล 93 ซึ่งอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ดอยผาตั้งนี้ ปัจจุบันประกอบอาชีพทางการเกษตร ปลูกพืชเมืองหนาว เช่น บ๊วย ท้อ สาลี่ แอปเปิล และชา
การเดินทางจากจังหวัดเชียงรายใช้เส้นทางเชียงราย-เวียงชัย-พญาเม็งราย-บ้านต้า ทางหลวงหมายเลข 1233, 1173 และ 1152 ระยะทาง 50 กิโลเมตร บ้านต้า-บ้านท่าเจริญ ทางหลวงหมายเลข 1020 ระยะทาง 45 กิโลเมตร บ้านท่าเจริญ-เวียงแก่น-ปางหัด ทางหลวงหมายเลข 1155 ระยะทาง 17 กิโลเมตร และปางหัด-ดอยผาตั้ง อีก 15 กิโลเมตร จุดชมวิวช่องผาบ่อง สามารถมองเห็นแม่น้ำโขงทอดตัวคดเคี้ยวในฝั่งลาว หากเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จึงจะถึงจุดชมวิว 103 ทั้งนี้ สภาพเส้นทางบางช่วงสูงชัน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ จุดบริการนักท่องเที่ยวดอยผาตั้ง โทรศัพท์ 0 5391 8301 หรือ องค์การบริหารส่วนตำบลปอ โทรศัพท์ 0 5371 0300, 0 5391 8265
9. ถนนคนเดินเชียงราย+ถนนคนม่วนเชียงราย
จังหวัดเชียงราย ร่วมกับ เทศบาลนครเชียงราย จัดโครงการถนนคนเดินเชียงราย “กาดเจียงฮายรำลึก” เชิญชวนนักท่องเที่ยวและประชาชนร่วมสัมผัสวิถีชีวิตแบบล้านนาในอดีต ที่แสดงออกถึงวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และสินค้าของดีของเชียงราย โดยจะจัดขึ้นทุกวันเสาร์ของเดือน ณ ถนนธนาลัย ตั้งแต่สี่แยกสำนักงานยาสูบฯ ไปจนถึงสี่แยกธนาคารออมสิน ขณะที่ทุกวันอาทิตย์ของเดือนจะมี “ถนนคนม่วนเชียงราย” ซึ่งอยู่บนถนนสันโค้งน้อย บริเวณการจัดงานแบ่งเป็นหลาย ๆ ส่วน โดยมีกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ที่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายร่วมกันจัดแสดงกิจกรรมมากมายตลอดเส้นทาง ทั้งนี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ถนนคนเดินเชียงราย และ chiangraitourism.org
10. วัดพระแก้ว
วัดพระแก้ว ตั้งอยู่บริเวณถนนไตรรัตน์ ตำบลเวียง อำเภอเมือง เป็นวัดที่ค้นพบ พระแก้วมรกต หรือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระแก้ว กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน ตามประวัติเล่าว่าเมื่อ พ.ศ. 1897 ในสมัยพระเจ้าสามฝั่งแกนเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่นั้น ฟ้าได้ผ่าเจดีย์ร้างองค์หนึ่งและได้พบพระพุทธรูปลงรักปิดทองอยู่ภายในเจดีย์ จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิกเกิดกะเทาะออกมาจึงได้พบว่าเป็นพระพุทธรูปสีเขียวสร้างด้วยหยก คือ พระแก้วมรกต นั่นเอง
ปัจจุบันชาวเชียงรายได้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหม่ขึ้นแทน เรียกว่า พระหยกเชียงราย หรือ พระพุทธรัตนากรนวุติวัสสานุสรณ์มงคล ซึ่งสร้างขึ้นในวโรกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ภายในวัดซีกกำแพงด้านทิศใต้ มีพิพิธภัณฑ์โฮงหลวงแสนแก้ว ลักษณะเป็นอาคารทรงล้านนาประยุกต์สองชั้น เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศาสนาและวัฒนธรรมล้านนา รวบรวมจัดแสดงศิลปวัตถุที่สำคัญของวัด และสิ่งของที่มีผู้นำมาถวาย เช่น พระพุทธรูป พระธาตุ เครื่องใช้เกี่ยวกับศาสนาของล้านนา เช่น เครื่องบูชา ฉัตร ตุง เครื่องเขิน เป็นต้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 5371 1385 หรือ watphrakaew-chiangrai.com
11. สวนรุกขชาติดอยช้างมูบ
ช้างมูบ เป็นชื่อดอยที่สูงที่สุดของเทือกเขานางนอน คือ ประมาณ 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีอากาศเย็นสดชื่นตลอดปี พื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นดงฝิ่นที่ใหญ่ที่สุด และเป็นการเส้นทางลำเลียงยาเสพติดหลักในภูมิภาค สภาพป่าจึงถูกทำลายจนหมดสิ้น ต่อมาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระราชประสงค์ให้ฟื้นฟูผืนป่าแถบนี้ให้อุดมสมบูรณ์อีกครั้ง โครงการพัฒนาดอยตุงฯ จึงพัฒนาพื้นที่ให้เป็นสวนรุกขชาติ รวบรวมพรรณไม้พื้นเมืองและพรรณไม้ป่าหายาก กุหลาบพันปีจากหลายประเทศ ต้นนางพญาเสือโคร่ง กล้วยไม้พื้นเมือง รองเท้านารี ฯลฯ ปลูกอยู่ในสวนอย่างเป็นธรรมชาติกลางป่าสน มีเส้นทางการเดินลัดเลาะตามไหล่เขา มีลานสำหรับพักผ่อน ชมทิวทัศน์ได้รอบตัว แลเห็นได้ถึงประเทศเพื่อนบ้าน และลำน้ำโขง
12. อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช
ตั้งอยู่ที่ห้าแยกพ่อขุน อำเภอเมือง เส้นทางที่จะไปอำเภอแม่จันหรือแม่สาย สำหรับพ่อขุนเม็งรายเป็นกษัตริย์องค์ที่ 25 แห่งราชวงศ์ลัวะจังคราช เป็นโอรสของพญาลาวเม็ง และพระนางเทพคำขยาย หรือพระนางอั้วมิ่งจอมเมือง ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ แรม 9 ค่ำ เดือนอ้าย ปีกุน พุทธศักราช 1782 เสด็จสวรรคตที่เมืองเชียงใหม่ใน พ.ศ.1854 พ่อขุนเม็งรายได้สร้างเมืองเชียงรายขึ้นบนดอยทอง จากรากฐานเดิมที่เคยเป็นเมืองมาก่อน เมื่อ พ.ศ.1805 ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ แห่งราชวงศ์เม็งราย และรวบรวมบ้านเล็กเมืองน้อยเข้าเป็นอาณาจักรล้านนาไทยจนเจริญรุ่งเรืองถึงปัจจุบัน
โดยประชาชนชาวเชียงรายร่วมใจกันสร้างอนุสาวรีย์ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณของพ่อขุนเม็งราย ปั้นโดย นายปกรณ์ เล็กฮอน และทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2507 สำหรับลักษณะของอนุสาวรีย์ คือ เป็นพระรูปของพระองค์หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ขนาดเท่าครึ่ง ทรงฉลองพระองค์ด้วยเครื่องทรงพระมหากษัตริย์ล้านนาโบราณ ประทับยืนบนฐานสูงประมาณ 3 เมตร ทรงถือดาบด้วยพระหัตถ์ซ้ายแนบกับพระเพลา ทรงสวมมาลัยพระกร ทรงสวมธำมรงค์ที่พระหัตถ์ขวาตรงนิ้วนางและนิ้วก้อย ที่พระหัตถ์ซ้ายตรงนิ้วชี้ และทรงฉลองพระบาท ปัจจุบันมีตุงหลวงเฉลิมพระเกียรติประดับอยู่ทางด้านหลังอนุสาวรีย์ด้วย และที่ตรงฐานใต้พระบรมรูปมีคำจารึกว่า "พ่อขุนเม็งรายมหาราช พ.ศ. 1782-1860 ทรงสร้างเมืองเชียงรายขึ้นเป็นเมืองแรกเมื่อ พ.ศ. 1805 ทรงสถาปนาอาณาจักรล้านนาไทยให้เป็นปึกแผ่น และทรงสร้างความสามัคคีระหว่างชนชาติไทย"
ทั้งนี้ กู่พระเจ้าเม็งราย ตั้งอยู่หน้าวัดงำเมือง บนดอยงำเมือง กู่นี้เป็นอนุสาวรีย์สำคัญแห่งหนึ่ง เพราะเป็นที่บรรจุอัฐิของพ่อขุนเม็งรายมหาราช ตามประวัติกล่าวว่า พระเจ้าไชยสงคราม ราชโอรสพระเจ้าเม็งราย เมื่อได้มอบราชสมบัติให้พระเจ้าแสนภูราชโอรสขึ้นครองนครเชียงใหม่แล้ว พระองค์ได้นำอัฐิพระราชบิดามาประทับอยู่ที่เมืองเชียงราย และได้โปรดเกล้าฯ สร้างกู่บรรจุอัฐิของพระราชบิดาไว้ ณ ดอยงำเมืองแห่งนี้
13. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ
พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ตั้งอยู่ที่ตำบลนางแล อำเภอเมือง สร้างขึ้นโดย อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี นับเป็นแหล่งเรียนรู้อันทรงคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมแบบร่วมสมัย ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น โดยภายในบ้านมีสิ่งก่อสร้าง ทั้งวิหาร บ้าน ศาลา ห้องแสดงผลงาน ฯลฯ รวมทั้งสิ้น 43 สิ่งก่อสร้าง เช่น วิหารเล็ก, มหาวิหาร (อาคารพิพิธภัณฑ์ศิลปะ), บ้านสามเหลี่ยม (ที่พักรับรองนักเขียน ลูกศิษย์ และห้องทำงาน), เรือนผกายแก้ว, เรือนเชียงทองทาทาบรุ้ง, อูปปรภพ (ห้องจิตวิญญาณ) และบ้านดำแกลลอรี่ (ศูนย์ข้อมูลและร้านจำหน่ายของที่ระลึก) สอบถามเพื่อเข้าชม โทรศัพท์ 0 5370 5834, 0 5377 6333, 08 1673 1155 หรือ thawan-duchanee.com
14. ดอยหัวแม่คำ
ดอยหัวแม่คำ อยู่สูงจากระดับทะเล 1,850 เมตร เป็นที่ตั้งหมู่บ้านชาวเขาขนาดใหญ่ ประกอบด้วยเผ่าลีซอ เป็นกลุ่มชนส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีอีก้อ ม้ง และมูเซอ ในช่วงเวลาซึ่งตรงกับตรุษจีนของทุกปี ชาวลีซอจะจัดงานประเพณีกินวอ ซึ่งเปรียบเสมือนวันขึ้นปีใหม่ ในวันนั้นชาวลีซอแต่งกายสวยงาม มีการกินเลี้ยง เต้นระบำ 7 วัน 7 คืน และในเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่ดอยหัวแม่คำงดงามไปด้วย “ดอกบัวตอง” สีเหลืองสดใสสะพรั่งอยู่ทั่วไปตามแนวเขา เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก
การเดินทางจากเชียงรายใช้เส้นทางเดียวกับทางขึ้นดอยแม่สลองสายเก่า ทางหลวงหมายเลข 1130 แล้วเลี้ยวขวาที่สามแยกอีก้อ ผ่านบ้านเทอดไทย ไปจนถึงบ้านแม่คำ ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 100 กิโลเมตร บ้านหัวแม่คำอยู่เกือบสุดชายแดน เส้นทางเป็นทางลูกรังคดโค้งไปตามทิวเขา ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง
15. ล่องแม่น้ำกก
แม่น้ำกก เป็นแม่น้ำที่ไหลมาจากบ้านท่าตอนผ่านตัวเมืองเชียงราย มีความยาวรวมทั้งสิ้น 130 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือจากท่าเรือริมแม่น้ำในตัวเมือง (ท่าเรือซีอาร์) เพื่อเที่ยวชมทัศนียภาพของแม่น้ำกก สองฟากฝั่งเป็นป่าเขาที่สวยงามตามธรรมชาติ นอกจากนี้ ระหว่างทางยังสามารถแวะชมหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่าง ๆ เช่น อีก้อ ลีซอ หรือจะแวะบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตรเพื่อนั่งช้างเที่ยวป่ารอบบริเวณ
16. วัดร่องเสือเต้น
ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านร่องเสือเต้น ตำบลริมกก อำเภอเมือง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งศรัทธาที่ถูกพูดถึงในเรื่องของเอกลักษณ์ความงดงามทางสถาปัตยกรรม อันเกิดจากการสร้างสรรค์ศิลปินชาวบ้าน นายพุทธา กาบแก้ว หรือ สล่านก ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ที่ครั้งหนึ่งตนได้รับโอกาสเข้าไปเป็นลูกศิษย์ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ในการสร้างวัดร่องขุ่น จนมีโอกาสได้มาสร้างวิหารวัดร่องเสือเต้น จึงได้นำวิชาที่ได้ร่ำเรียนมารังสรรค์ความงดงามให้เกิดขึ้นที่วัดแห่งนี้
ไฮไลท์เด็ดคือ "วิหารร่องเสือเต้น" ซึ่งความโดดเด่นของวิหารแห่งนี้อยู่ที่ศิลปะของตัววิหารที่สวยงามและมีเอกลักษณ์น่าจดจำ โดยใช้โทนสีน้ำเงินและสีฟ้าเป็นหลัก ที่ใช้เป็นสื่อแสดงถึงธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นหลักความจริงตามเหตุและผล เปรียบเสมือนเป็นท้องฟ้าที่สดใส ทั้งนี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก วัดร่องเสือเต้น ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
17. DoiTung Tree Top Walk สวนแม่ฟ้าหลวง
เส้นทางศึกษาธรรมชาติบนเรือนยอดไม้ หรือ DoiTung Tree Top Walk ภายในสวนแม่ฟ้าหลวง พระตำหนักดอยตุง สร้างขึ้นมาเหนือยอดไม้ใหญ่ภายในสวนอันเขียวขจี อากาศหนาวเย็น ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง และยังท้าทายความกล้าของนักท่องเที่ยวที่ชอบความสูง โดยแบ่งออกเป็น 6 ช่วง บนระดับความสูง 10-20 เมตร ลดหลั่นไปตามจังหวะของต้นไม้และความลาดชัน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โครงการพัฒนาดอยตุง โทรศัพท์ 0 5376 7015-7
18. ภูชี้ดาว
จุดชมวิวและที่เที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่บนพื้นที่ในความดูแลของตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้ง ที่ยังคงซึ่งความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเอาไว้อย่างครบถ้วน ผู้คนไม่พลุกพล่าน มีความเงียบสงบ สิ่งที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นจากจุดชมวิวภูชี้ดาว คือการได้มองเห็นวิวโค้งแม่น้ำโขงอยู่ไกล ๆ และมองเห็นภูชี้ฟ้าตั้งเด่นตระหง่านอยู่ลิบ ๆ เหล่านี้ถือเป็นองค์ประกอบทางทัศนียภาพที่สวยงามยากเกินจะบรรยาย
ทั้งนี้ทางเดินขึ้นไปยังภูชี้ดาวค่อนข้างมีความลาดชัน และต้องไต่ระดับขึ้นไปตามสันเขา สองด้านเป็นเหวลึก ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงควรใช้ความระมัดระวังในการเดินค่อนข้างมาก เพราะไม่อย่างนั้นอาจเกิดอันตรายได้
19. ไร่ชาฉุยฟง
20. ภูฟ้าไทย
จุดชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอากาศหนาวเย็น ชมทะเลหมอก และชมวิวธรรมชาติได้รอบ 360 องศา ตั้งอยู่ที่บ้านร่มฟ้าไทย อำเภอเทิง ติดกับแนวชายแดน สปป.ลาว ฝั่งตรงข้ามบ้านเชียงของ ซึ่งนับเป็นจุดที่มองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าตัดกับทะเลหมอกในหุบเขาได้อย่างงามตา ด้วยเพราะภูฟ้าไทยมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,515 เมตร จึงทำให้อากาศที่นี่หนาวเย็น
ลักษณะเด่นของภูฟ้าไทยอยู่ที่ทางเดินขึ้นที่ค่อนข้างสะดวก ซึ่งเป็นทางเดินระยะทางเพียงแค่ 300 เมตร ข้างบนนักท่องเที่ยวจะได้ฟินกับจุดชมวิวทะเลหมอกในแบบ 360 องศา ขณะเดียวกันยังชื่นชมกับความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน อีกทั้งยังมองเห็นภูชี้ฟ้าบริเวณจมูกสิงโตได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย โทรศัพท์ 053 744 674-5 และ 053 717 433
และนี่ก็คือสถานที่ท่องเที่ยวเชียงรายที่เราหยิบมาแนะนำกัน หากใครมีโอกาสไปเยือนดินแดนเหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง ก็ไม่ควรพลาดไปสัมผัสกันดูนะคะ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานเชียงราย โทรศัพท์ 0 5371 7433, 0 5370 0051-2 และ 0 5371 7434 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
, สำนักอุทยานแห่งชาติ, ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยว จังหวัดเชียงราย, thawan-duchanee.com, ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม, นิตยสารคู่หูเดินทาง และ สมาคมท่องเที่ยวเชียงราย (CTA)
15 จุดต้องแวะ เมื่อมาเที่ยวเขาค้อ
ขาค้อ เป็นชื่อเรียกรวมบริเวณเทือกเขาน้อยใหญ่ของเทือกเขาเพชรบูรณ์ จนอาจพูดได้ว่าเป็นทะเลภูเขา เช่น เขาค้อ เขาย่า เขาใหญ่ เขาตะเคียนโง๊ะ เขาหินตั้งบาตร เขาห้วยทราย เขาอุ้มแพร เป็นต้น มีจุดท่องเที่ยวให้แวะหลากหลายแห่ง และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหารที่มีให้เลือกแบบครบครัน ทำให้เขาค้อ คือ จุดหมายปลายทางหลักในการท่องเที่ยวที่ใครหลายคนสามารถมาเที่ยวได้อย่างง่ายดาย มาเขาค้อต้องมาชมทะเลหมอก ซึ่งถือว่าเป็นจุดชมทะเลหมอกที่งดงามอีกแห่งหนึ่ง สามารถชมได้จากหน้าที่พักที่มีโลเคชั่นในการชมทะเลหมอกซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใกล้อ่างเก็บน้ำรัตนัย นอกจากนี้ยังมีจุดชมทะเลหมอกยอดนิยมอีกหลายจุด มีร้านกาแฟสวยน่าแวะถ่ายภาพอีกหลายร้าน มาเขาค้อเราต้องมาร์คจุดหลัก แวะเที่ยวที่ไหนบ้างรีวิวนี้มีคำตอบ
จุดชมทะเลหมอกเขาค้อ+ไปรษณีย์เขาค้อ
เป็นระเบียงชมวิวทอดยาว ตั้งอยู่ใกล้กับไปรษณีย์เขาค้อ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นจุดชมทะเลหมอกที่อยู่ในละแวกเดียวกัน ที่สามารถชมได้พร้อมกัน ทะเลหมอกมีให้ชมเยอะในช่วงปลายฝนต้นหนาวและฤดูหนาว ยิ่งในวันใดที่มีสภาพอากาศโปร่งท้องฟ้าสดใสแล้ว จะได้เห็นภาพทะเลหมอกสีขาวที่ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าใส แซมด้วยดอกไม้เมืองหนาวที่ปลูกอยู่ด้านล่างเป็นภาพที่งดงามชวนฝันยิ่งนัก มีให้ชมจนถึงประมาณ 9 โมงเช้าเลยทีเดียว บริเวณจุดชมทะเลหมอก มีร้านค้าและร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ที่จะขายกันคึกคักมากในช่วงฤดูหนาว
จุดชมทะเลหมอกหน้าที่พักเขาค้อทะเลหมอก รีสอร์ท
รวมที่พักเขาค้อใกล้ชิดทะเลหมอก คลิ๊ก ที่พักเขาค้อทะเลหมอก
จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ
เขาตะเคียนโง๊ะ ตั้งอยู่ในตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งบนเขาค้อ ที่สามารถ สามารถชมทะเลหมอกได้รอบทิศแบบ 360 องศา พร้อมบรรยากาศของพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า จากจุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะสามารถมองเห็นวิวทิวเขาอันสวยงามที่อยู่เบื้องหน้าเป็นเขาปู่ เขาย่า ที่มีรูปทรงคล้ายภูเขาไฟฟูจิ รวมถึงผืนป่าของเขาค้อและเส้นทางถนนที่ทอดยาวมายังจุดชมวิวที่อยู่เบื้องล่าง
รีวิวท่องเที่ยวเขาตะเคียนโง๊ะฉบับเต็ม คลิ๊ก เขาตะเคียนโง๊ะ
จุดชมวิวทะเลหมอกวัดกองเนียน
อีกหนึ่งจุดทะเลหมอกยอดฮิตที่ไม่ไกลจากจุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ ตั้งอยู่ภายในวัดกองเนียนทางเดียวกับทางไปพระตำหนักเขาค้อ ถึงแม้ว่าองศาในการชมของทะเลหมอกที่นี่จะไม่กว้างไกลแบบ 360 เหมือนเขาตะเคียนโง๊ะ แต่ความงดงามของทะเลหมอกและแสงที่ลอดผ่านไปยังทิวเขาที่เรียงรายกัน มีต้นค้อ ขึ้นแบบโดดเด่นเดียวดาย รวมถึงบ้านหลังน้อยโดดเด่นที่ตั้งอยู่ริมสันเขา เมื่อองค์ประกอบที่สวยงามทั้งหมดนี้ได้มาอยู่รวมกันทำให้จุดชมวิววัดกองเนียนนั้นเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งบนเขาค้อ
จุดชมวิวกังหันลมเขาค้อ
ทุ่งกังหันลม อีกหนึ่งแลนด์มาร์คใหม่ล่าสุดแห่งเขาค้อที่สวยงาม ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านเพชรดำ จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อเข้ามาในบริเวณแคมป์สนเพื่อไปยังเส้นทางท่องเที่ยวหลักบนเขาค้อ จะสามารถมองเห็นกำหันลมโดดเด่นได้อย่างง่ายได้ เนื่องจากจุดที่ตั้งของโครงการทุ่งกังหันลม อยู่บนเนินเขาสูง บนระดับความสูงกว่าน้ำทะเลประมาณ 1,050 เมตร ตระหง่านบนที่ราบยอดเขาเนื้อที่ 350 ไร่ จึงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกล
รีวิวท่องเที่ยวเขาตะเคียนโง๊ะฉบับเต็ม คลิ๊ก จุดชมวิวกังหันลมเขาค้อ
ไร่สตรอว์เบอร์รี่เขาค้อ
ในช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนพ.ย. – ก.พ. เมื่อมาเที่ยวเขาค้อ ตลอดสองข้างทางจะได้เห็นไร่สตรอว์เบอร์รี ที่ปลูกลดหลั่นกันไปตามทิวเขาตลอดทั้งสองข้างทางถนนจะเลือกแวะเที่ยวไร่ไหนแล้วแต่ตามสะดวกซึ่งส่วนใหญ่เปิดให้เข้าชมฟรี ไร่สตรอว์เบอร์รี่ยอดฮิตอย่างเช่นไร่GB ซึ่งอยู่ติดกับจุดชมวิวกังหันลมเขาค้อ นอกจากสตรอว์เบอร์รีที่ให้ได้ถ่ายภาพแล้ว ยังมีมุมชิงข้าให้เราได้เล่นชิงช้า รับลม มองวิวเขาได้อย่างสนุนสนาน อีกหนึ่งไร่ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามโดดเด่นอยู่ริมถนนนั่นคือ ไร่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ใกล้กับรีสอร์ทเขาค้อทะเลภู
ไร่สตรอวร์เบอร์รี่ใหญ่ที่สุด
พระตำหนักเขาค้อ
พระตำหนักเขาค้อ สร้างขึ้นเพื่อนำน้อมเกล้าฯ ถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำหรับใช้ประทับแรมในโอกาสที่พระองค์ท่านเสด็จ ฯ ตรวจเยี่ยมงานในโครงการพระราชดำริ และทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง บริเวณพระตำหนักมีจุดชมวิวที่มี่ทัศนียภาพของภูเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อนอยู่เบื้องหน้า บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกจุดหนึ่งของเขาค้อ เพราะตั้งอยู่บนที่สูงสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเขาค้อได้แบบกว้างไกล โดยเฉพาะในยามเช้ามีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกด้วย
ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ)
พิพิธภัณฑ์อาวุธฐานอิทธิ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งบนเขาค้อซึ่งเคยเป็นสมรภูมิรบในอดีต ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงอาวุธยุโธปกรณ์ เช่นปืนประเภทต่าง ๆ ที่ใช้ในการสู้รบทั้งปืนใหญ่ ปืนลูกโม่ ปืนครก อาร์ก้า ฯลฯ รถถัง รถบรรทุกทหาร เฮลิคอปเตอร์ และมีป้ายอธิบายรายละเอียดสำหรับผู้ที่สนใจได้ศึกษาหาความรู้ หากต้องการเข้าไปชมด้านในเสียค่าบำรุงพื้นที่คนละ 10 บาท เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 07.00 -17.00 น ด้านหน้าทางเข้ามีระเบียงชมวิว 2 จุด อยู่ติดกัน มองเห็นวิวทิวเขากว้างไกลที่อยู่เบื้องหน้า หากมาในเวลาเช้าสามารถเห็นทะเลหมอกได้อีกด้วย
อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ
บนยอดสูงสุดของเขาค้อ สร้างขึ้นเพื่อเทอดทูนวีรกรรมของพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ได้พลีชีพในการสู้รบเพื่อปกป้องพื้นที่ใน เขตรอยต่อ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย โดยสร้างเป็นรูปสามเหลี่ยมเป็นหินอ่อนทั้งหมด หมายถึงการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ ทหาร ความสูงจากแท่นบูชาถึงยอดอนุสรณ์สถานสูง 24 เมตร ผนังภายในบันทึก ประวัติอนุสรณ์ผู้เสียสละ และรายชื่อวีรชนผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ
พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก
ตั้งอยู่บริเวณบนยอดเขาค้อ ติดกับสำนักสงฆ์วิชมัยบุญญาราม ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศศรีลังกา ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่ง ได้ร่วมจัดสร้างน้อมเกล้าถวายเพื่อเป็นการ เฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในปี พ.ศ.2539 และเฉลิมพระเกียรติเนื่องใน วโรกาสมหามงคล เฉลิมพระชนพรรษา 6 รอบ หากใครได้มาเที่ยว เขาค้อควรแวะสักการะพระพุทธรูปภายในเพื่อเป็นสิริมงคลแต่ตัวเองและครอบครัว ตีระฆังที่เป็นราวแนวยาว บริเวณด้านข้าง พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก อายุจะยืนยาวอีกหลายปี (ต้องตีให้ครบทุกใบ)
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาที่สูงใหญ่ซ้อนกันเป็นทิวเขา เรียงราย มีเจดีย์พระธาตุผาแก้ว ตกแต่งด้วยถ้วยกระเบื้อง หินสีต่างๆ ดูงดงามแปลกตาและบริเวณใต้ฐานพระเจดีย์ใช้เป็นที่เก็บ รวบรวมหลักธรรมคำสอน ภาพปริศนาธรรม และเป็นที่เจริญสติภาวนา สำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป รวมถึงอุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ อันงดงามประกอบด้วย ศาลาพระหยกเขียว เรือนอาคันตุกะ กุฏิสงฆ์ มีกุฏิวิเวกสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมอนุญาติเฉพาะผู้ปฏิบัติธรรมให้เป็นพื้นที่วิเวกในการเจริญสติภาวนา
The Front By BN Farm
ตั้งอยู่ใกล้กับปากทางขึ้นเขาค้อ เป็นร้านกาแฟของไร่บีเอ็น ที่ตกแต่งได้บรรยากาศนั่ง หากมาเที่ยวในช่วงฤดูหนาวภายในไร่มีแปลงดอกคอสมอสและดอกดาวเรืองสีเหลืองที่กำลังเบ่งบาน เสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท
ร้านกาแฟพีโนลาเต้
ที่พักและร้านกาแฟและที่พักบรรยากาศดี ตั้งยู่บนภูเขาสูงเห็นวิววัดพระธาตุผาซ่อนแก้วอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ซึ่งนับว่าเป็นที่พักและร้านกาแฟที่วิวสวยอีกแห่งหนึ่งของเขาค้อที่ไม่ควรพลาดแวะมาสูดอากาศพร้อมดื่มเครื่องดื่มทานเบอเกอรี่อร่อยที่ Pino Latte Resort & Café พีโน่ ลาเต้ รีสอร์ท
Le Bonheur khaokho
เลอ บอนเนอร์ เขาค้อ คาเฟ่สุดชิคที่เพิ่งเปิดใหม่บนเขาค้อ เป็นทั้งร้านอาหารและร้านกาแฟ อาหารอร่อย กาแฟรสชาติดี ตัวร้านออกแบบด้วยดีไซน์ทันสมัย ตั้งอยู่บนภูเขาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเขาค้อได้แบบกว้างไกล ไปเขาค้อพลาดไม่ได้ แวะทานกาแฟ ถ่ายรูปค่ะประทับใจมาก ร้านตั้งอยู่เส้นทางเดียวกับพีโนลาเต้
เปิดทำการ : 7.00-18.00 น.
โทร : 086 299 5954 Facebook : https://www.facebook.com/le.bonheur.khaokho/
โทร : 086 299 5954 Facebook : https://www.facebook.com/le.bonheur.khaokho/
(ภาพจากเฟสบุค Le Bonheur khaokho)
ร้าน Route 12
Route 12 ร้านกาแฟชื่ดังในยุคเริ่มแรกของเขาค้อ ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 12 ห่างจากภูแก้วรีสอร์ทประมาณ 3 กม. อีกหนึ่งร้านกาแฟชื่อดัง ท่ามกลางบรรยากาศของขุนเขา หากใครได้ขับรถผ่านไปมาต้องสะดุดตากับการตกแต่งร้านสไตล์คันทรี่ที่ไม่เหมือนใคร เป็นอีกหนึ่งร้านของ ที่เรียกได้ว่าคือ A must ที่ทุกคนต้องแวะมาถ่ายภาพ
ร้านกาแฟ story cup
ร้านกาแฟ Story Cup อีกหนึ่งร้านกาแฟบนถนนสาย 12 อาคารสีขาวโดดเด่น แต่งเติมสีสรรหลากสีที่หน้าต่าง ประตู และทุ่งดอกไม้เมืองหนาวที่รายล้อม เหมาะสำหรับมานั่งจิบเครื่องดื่ม ชมวิว ในบรรยากาศชิวๆ อีกหนึ่งร้านในฤดูหนาวของเขาค้อ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)